เห็บหมา ปัญหากวนใจของคนเลี้ยงสุนัข
เห็บหมา หมัดหมา เป็นหนึ่งในปัญหากวนใจของคนเลี้ยงสุนัขที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะในคนที่เลี้ยงน้องหมาแบบปล่อยให้อยู่นอกบ้าน หรือเลี้ยงน้องหมาหลายตัว เพราะเห็บและหมัดสามารถพบเจอได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไปสามารถติดต่อกันได้ง่าย อีกทั้งยังทำให้เกิดโรคที่ส่งผลต่อสุขภาพของน้องหมาด้วยสำหรับพ่อหมาแม่หมาที่กำลังเจอกับปัญหาน้องหมามีเห็บ มีหมัด อยากรู้ว่าสุนัขมีเห็บเยอะมากทำไงดี? โรงพยาบาลสัตว์แอทโมส จะพาไปทำความรู้จักกับต้นตอของเห็บ พร้อมแนะนำวิธีกำจัดเห็บหมาและวิธีป้องกันอย่างเห็นผล จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย!
เห็บหมามาจากไหน?
เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนอาจสงสัยว่าเห็บหมามาจากไหน ทั้งๆ ที่ทำความสะอาดน้องหมาอย่างดีแล้ว ทำไมยังติดเห็บหมัดได้อยู่ และกำจัดเท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที นั่นก็เพราะว่าเห็บและหมัด 1 ตัว เมื่อโตเต็มที่จะสามารถวางไข่ได้หลายร้อยฟอง โดยจะวางไข่อยู่ตามสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พื้นดิน เพดาน เสื้อผ้า หรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
ไข่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ สามารถอาศัยอยู่ในดินได้เป็นปี และถ้าพบอากาศที่ชื้นอย่างพอเหมาะก็จะฟักตัวออกมาเป็นตัวอ่อน แล้วกินไรฝุ่น หรือเลือดแห้งเป็นอาหาร และเมื่อโตเต็มวัยก็จะไปเกาะอาศัยอยู่บนตัวสุนัขเพื่อดูดเลือดเป็นอาหาร ก่อนจะวางไข่เป็นวงจรต่อไป
จากวงจรชีวิตของเห็บหมัดนี้ จึงทำให้น้องหมามีโอกาสติดเห็บหมัดได้ตลอดเวลาที่ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน หรือไปเล่นกับหมาตัวอื่น ถ้าหากเจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ป้องกันด้วยการหยดยากำจัดเห็บหมัดเป็นประจำ ก็จะทำให้น้องหมามีโอกาสติดเห็บหมัดเป็นจำนวนมากได้นั่นเอง
เห็บและหมัดแตกต่างกันอย่างไร?
เห็บและหมัดจัดอยู่ในกลุ่มปรสิตภายนอก (Ectoparasite) ซึ่งเป็นปรสิตที่อาศัยอยู่ภายนอกร่างกายของโฮสต์ สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย เช่น บริเวณผิวหนัง ผนังศีรษะ เส้นผม หรือขน โดยจะมีความแตกต่างกันดังนี้
- เห็บ (Ticks) : มีลักษณะคล้ายกับตัวแมงมุม ตัวอ่อนจะมี 6 ขา ตัวกลางวัยและตัวเต็มวัยจะมี 8 ขา โดยตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ และเมื่อเกาะอยู่ที่ตัวน้องหมาจะคอยดูดเลือดกินเป็นอาหาร
- หมัด (Flea) : มีขนาดเล็กและมีขายาวกว่าเห็บ ลำตัวมีสีดำ-สีน้ำตาล มี 6 ขา จะแตกต่างจากเห็บตรงที่กระโดดได้สูงและค่อนข้างเร็ว และจะอยู่บนตัวโฮสต์ (น้องหมา) ตลอดชีวิต ถ้าออกจากโฮสต์ก็จะทำให้ตายในที่สุด
จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องหมามีเห็บมีหมัด?
เมื่อน้องหมามีเห็บ หรือมีหมัด เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะสามารถสังเกตได้จากอาการต่าง ๆ ดังนี้
- มีอาการคัน ชอบเกาบริเวณหัวและใบหูบ่อย ๆ
- มีจุดแดงบนผิวหนัง เกิดจากการถูกเห็บหรือหมัดกัด
- มีตุ่มหรือผื่นบนผิวหนัง เกิดจากอาการแพ้หลังถูกเห็บหรือหมัดกัด
นอกจากอาการผิดปกติเหล่านี้แล้ว ถ้าหากเจ้าของสัตว์เลี้ยงพบเห็นเห็บหมัดภายในบ้านตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป ก็สามารถสันนิษฐานได้เลยว่าน้องหมามีเห็บหมัดแล้ว
เห็บหมาทำให้เกิดโรคในสุนัขอะไรได้บ้าง?
การที่น้องหมามีเห็บหมัด ไม่ได้ทำให้เกิดแค่โรคผิวหนังสุนัขอย่างภูมิแพ้ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้เกิดโรคในสุนัขอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของน้องหมาได้ด้วย
โดยเห็บหมาจะทำให้เกิดโรคพยาธิเม็ดเลือด ซึ่งสามารถก่อให้เกิดภาวะสุขภาพต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคเลือดจาง โรคตับ หรือโรคไต ถ้ามีอาการไม่รุนแรงมากก็จะสามารถรักษาให้หายได้โดยการให้ยาที่เหมาะสมกับอาการ แต่ถ้าน้องหมามีภาวะโลหิตจางรุนแรงจะต้องรักษาด้วยการถ่ายเลือดร่วมด้วย ซึ่งจะใช้ระยะเวลารักษาค่อนข้างนานและต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่หมัดจะเป็นพาหะของโรคพยาธิตัวตืดในทางเดินอาหารอย่างพยาธิเม็ดแตงกวา (Dipylidium caninum) ที่น้องหมาจะได้รับจากการที่บังเอิญกินหมัดที่มีพยาธิเข้าไป ซึ่งจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย เบื่ออาหาร อาเจียน คันก้น น้ำหนักตัวลด ภูมิคุ้มกันตก หรือร้ายแรงถึงขั้นติดเชื้อแทรกซ้อนได้เลย
รวมวิธีกำจัดเห็บหมาอย่างเห็นผล
เมื่อน้องหมามีเห็บมีหมัด วิธีกำจัดเห็บหมาและหมัดหมาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือการใช้ยากำจัดเห็บหมัด ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้หลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบก็จะเหมาะกับการกำจัดเห็บหมัดที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น
1. ยาหยอด หรือยาหยดเห็บหมัด
เป็นวิธีที่ใช้ง่ายและสะดวก เหมาะสำหรับใช้ในการป้องกันเห็บหมัด หรือใช้ในกรณีที่เห็บหมัดมีจำนวนน้อย โดยหลังจากที่หยดยาไปแล้ว ตัวยาจะซึมลงในต่อมไขมัน แล้วกระจายไปทั่วร่างตามกลไกธรรมชาติ หลังจากนั้นยาจะถูกขับออกมาพร้อมกับน้ำมันบริเวณผิวหนังภายใน 24 – 48 ชั่วโมง เมื่อเห็บหมัดมากัด หรือดูดกินเลือดก็จะได้รับยาและตายในที่สุด
2. ฉีดยา หรือยากินแบบรายเดือน หรือรายสามเดือน
โดยฤทธิ์ยาจะซึมอยู่ในกระแสเลือด เมื่อเห็บหมัดมากินเลือดก็จะแห้งตายไป โดยขนาดยาที่ให้จะแตกต่างกันไปตามขนาดของสุนัข อายุ สายพันธุ์ และสุขภาพของสัตว์เลี้ยง โดยข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้ นอกจากจะกำจัดเห็บหมัดได้แล้ว ฤทธิ์ยายังสามารถกำจัดพยาธิหนอนหัวใจได้อีกด้วย
3. ยากำจัดเห็บหมัดแบบสเปรย์
เหมาะกับการกำจัดเห็บหมัดที่มีจำนวนเยอะ ๆ เพราะสามารถฉีดได้ทั้งบนขนและผิวหนังโดยตรง รวมไปถึงฉีดบริเวณพื้นบ้านหรือซอกมุมต่าง ๆ ที่เห็บหมัดแอบอยู่ได้ แต่จะต้องระมัดระวังไม่ให้น้องหมาเลีย
นอกจากวิธีกำจัดเห็บหมัดที่ได้แนะนำไปในข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถใช้ในการป้องกัน หรือกำจัดเห็บหมาได้ด้วย เช่น การสวมปลอกคอกำจัดเห็บหมัด หรือใช้แป้งกำจัดเห็บหมัด แต่จะต้องระมัดระวังไม่ให้สุนัขมาเลียมาแทะ เพราะอาจเป็นอันตรายได้ และไม่ได้มีประสิทธิภาพในการกำจัดเท่าที่ควร
วิธีป้องกันเห็บหมาที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ควรละเลย
การป้องกันเห็บหมา หรือหมัดหมาสามารถทำได้ไม่ยาก แค่เพียงเจ้าของสัตว์เลี้ยงให้ความใส่ใจในด้านความสะอาด หมั่นทำความสะอาดกรงด้วยน้ำยากำจัดเห็บหมัดอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับอาบน้ำน้องหมาและให้ยาหยดหลังอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเห็บติดหมัดได้มาก
แนะนำวิธีกำจัดเห็บหมา เห็บหมัด ตามพื้น
เราสามารถใช้สเปรย์กำจัดเห็บหมัดฉีดทั่วพื้นที่ หรือใช้ยากำจัดเห็บหมัดไบติคอล 6% (Bayticol) ผสมน้ำ 1 ซีซี ต่อน้ำ 1.5 ลิตร ชุบผ้าถูทั่วทั้งห้อง หรือใส่ฟ็อกกี้ฉีดพ่นบริเวณพื้น และตามซอกหลืบต่าง ๆ ได้เลย
อย่างไรก็ตาม น้ำยาจะมีกลิ่นที่รุนแรงมาก หลังจากที่ถูทั่วห้องแล้ว จะต้องงดใช้ห้องประมาณ 6 ชั่วโมง แล้วเข้ามาถูพื้น หรือเช็ดตามซอกหลืบด้วยน้ำสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาตกค้างจนน้องหมามาเลียและส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงได้
สรุปเรื่องเห็บหมา
จะเห็นได้ว่า ถึงแม้เห็บหมา หมัดหมา จะเป็นปรสิตภายนอกที่ติดต่อกันได้ง่าย และส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมของน้องหมา แต่เราก็สามารถกำจัดและป้องกันการติดเห็บหมัดได้ง่าย ๆ เพียงแค่รักษาความสะอาดที่อยู่อาศัยของน้องหมาด้วยน้ำยากำจัดเห็บหมัดอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงให้ยากำจัดเห็บหมัดเป็นประจำทุกเดือน หรือสามเดือน ก็จะทำให้น้องหมาห่างไกลจากโรคอันตรายที่เกิดจากเห็บหมัดได้อย่างแน่นอน