1. icon-home
  2. บทความ
  3. แนะนำวิธีดูแลเมื่อน้องแมวเป็นเชื้อราที่ทาสแมวต้องรู้
icon-share
แชร์

แนะนำวิธีดูแลเมื่อน้องแมวเป็นเชื้อราที่ทาสแมวต้องรู้

“โรคเชื้อราแมว” เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่สามารถพบได้บ่อย ๆ ทั้งในแมวเด็กและแมวโต ซึ่งเหล่าทาสแมวจะต้องระมัดระวังให้ดี  เมื่อเป็นแล้วยังใช้ระยะเวลารักษาค่อนข้างนานด้วยเพื่อให้เหล่าทาสแมวสามารถดูแลน้องแมวได้อย่างเหมาะสม ป้องกันไม่ให้แมวเป็นเชื้อรา หรือถ้าเป็นแล้วก็สามารถดูแลรักษาได้ถูกวิธีและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก โรงพยาบาลสัตว์แอทโมสจะพาไปรู้จักกับโรคเชื้อราแมว พร้อมวิธีดูแลรักษาเชื้อราแมวอย่างถูกต้องเอง จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย!

แมวเป็นเชื้อราเกิดจากอะไร?

แมวเป็นเชื้อราเกิดจากการติดเชื้อราสายพันธุ์ต่าง ๆ แล้วทำให้เกิดโรคผิวหนังตามมา โดยสาเหตุหลักของการติดเชื้อราในแมวจะมาจากการที่มีความชื้นสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน้องแมว ทั้งจากการที่อาบน้ำแล้วไม่เป่าขนให้แห้งสนิท การปล่อยน้องแมวไปเดิน หรือเล่นบนพื้นที่มีความชื้นอย่างพื้นดิน พื้นหญ้า แล้วไม่ทำความสะอาดให้ดี หรือการที่ไม่ทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของน้องแมว

นอกจากนี้น้องแมวยังสามารถติดเชื้อรามาจากการเล่นกับแมวที่เป็นเชื้อราด้วย เพราะโรคเชื้อราแมวสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสกับผิว หรือขนของแมวที่ติดเชื้อราได้ ไม่ว่าจะเป็น จากแมวสู่แมว หรือแมวสู่คน

ดังนั้นใครที่มีแมวเด็ก แมวแก่มาก ๆ หรือแมวสุขภาพไม่แข็งแรง จะต้องระมัดระวังให้ดี เพราะน้องแมวกลุ่มนี้จะมีภูมิคุ้มกันต่ำและเสี่ยงต่อการติดเชื้อราได้ง่ายกว่าปกติ

โรคเชื้อราแมวมีอะไรบ้าง?

เชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคในแมว มีดังนี้

  • Microsporum gypseum 
  • Microsporum canis (พบได้บ่อย)
  • Trichophyton mentagrophyte 

โดยเชื้อราเหล่านี้จะอาศัยอยู่บนผิวหนังชั้นนอกของแมว รวมถึงบริเวณเล็บและเส้นขน และใช้เคอราตินของผิว เล็บ และเส้นขน เป็นอาหารในการเจริญเติบโต

แมวเป็นเชื้อราดูยังไง?

สำหรับเจ้าของที่สงสัยว่าน้องแมวเป็นเชื้อราหรือเปล่า สามารถสังเกตอาการได้ง่าย ๆ โดยดูที่ผิวหนังของน้องแมว ถ้าหากว่าน้องแมวมีขนร่วงหลุดเป็นหย่อม ๆ มีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง ตุ่มแดง ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย ๆ และตกสะเก็ดคล้ายรังแค ก็อาจแสดงว่าน้องแมวเป็นเชื้อราได้

คนติดเชื้อราแมว อาการเป็นอย่างไร?

ถ้าหากสังเกตอาการแล้วพบว่าน้องแมวเป็นเชื้อรา เจ้าของจะต้องสังเกตตัวเองดูด้วยว่าติดเชื้อราจากแมวหรือเปล่า เพราะโรคเชื้อราแมวสามารถแพร่กระจายจากแมวสู่คนได้ โดยอาการของผู้ที่ติดเชื้อราแมว มีดังนี้

  • มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ทั้งวงเล็กและวงใหญ่
  • มีขุยขึ้นบริเวณรอบ ๆ ผื่นแดง
  • มีอาการคันตามผื่นแดง
  • เมื่อเกาบริเวณที่เป็นผื่น แล้วไปสัมผัสจุดอื่น ๆ บนร่างกาย จะทำให้เกิดผื่นแดงตามมา
  • หากมีการติดเชื้อที่หนังศีรษะ อาจพบผมร่วงเป็นหย่อม ๆ บริเวณที่ติดเชื้อ

วิธีรักษาเชื้อราแมว

วิธีรักษาเชื้อราแมวจะมีความแตกต่างกันระหว่างแมวเด็กและแมวโต มีรายละเอียดดังนี้

วิธีรักษาเชื้อราแมวในแมวเด็ก (อายุไม่เกิน 4 เดือน)

สำหรับแมวเด็กที่มีอายุไม่เกิน 4 เดือน จะไม่แนะนำให้รักษาด้วยการกินยาฆ่าเชื้อรา เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายกับระบบอวัยวะภายในได้ จำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยการใช้ยาภายนอกเท่านั้น โดยมีขั้นตอนการรักษาดังนี้

  • ใช้แชมพูยาสำหรับฆ่าเชื้อราแมว แนะนำให้เลือกสูตรอ่อนโยน ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองตา หรือทำให้ผิวน้องแมวแห้ง และควรผสมแชมพูยากับน้ำสะอาดก่อนใช้งาน เพื่อที่แชมพูยาจะไม่เข้มข้นเกินไป โดยแมวเด็กจะแนะนำอัตราส่วนอยู่ที่ 1 : 2 และใช้แปรงสีฟันขนอ่อนนุ่มในการขัดเบา ๆ เพื่อให้ตัวยาสัมผัสกับผิวหนัง ควรหมักแชมพูยาไว้อย่างน้อย 15-30 นาที
  • ใช้ยาทาภายนอก หรือสเปรย์ฆ่าเชื้อรา แนะนำให้ฉีดสเปรย์ลงสำลีแผ่นบาง ๆ ให้ชุ่ม แล้วนำมาเช็ด ก็จะช่วยลดอาการตกใจของน้องแมวได้ และต้องทายาให้เลยเกินรัศมีของรอยโรคประมาณ 1 เซนติเมตร ยกเว้นน้องแมวที่เชื้อราอยู่ตรงหัว จะต้องทาอย่างระมัดระวัง อย่าให้ใกล้ตามากเกินไป และตรงจมูกจะไม่แนะนำให้ใช้ยา เพราะแมวอาจได้รับยาจนทำให้เกิดอันตรายได้

นอกจากการใช้แชมพูยา หรือยาทาภายนอกแล้ว จะต้องใส่คอลล่า (Collar) หรือที่นิยมเรียกกันว่า “ปลอกคอกันเลีย” เพื่อป้องกันไม่ให้น้องแมวเลียยา หรือเลียบริเวณที่เป็นเชื้อรา แล้วไปเลียจุดอื่น ๆ จนทำให้เชื้อราแมวลามไปยังบริเวณอื่นได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับน้องแมวที่ใส่คอลล่าไม่ได้ แนะนำให้ใช้การอาบน้ำฟอกแชมพูแทนจะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่แมวได้รับยาจนเป็นอันตรายได้มาก

วิธีรักษาเชื้อราแมวในแมวโต

สำหรับวิธีรักษาเชื้อราแมวในแมวโตจะมีวิธีเหมือนกับการรักษาเชื้อราในแมวเด็กเลย แต่จะสามารถให้น้องแมวกินยาฆ่าเชื้อราได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรซื้อยามาให้น้องแมวกินด้วยตัวเอง จะต้องใช้ยาภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์เท่านั้น และถ้าน้องแมวมีอาการเบื่ออาหาร หรือซึมหลังกินยา ให้หยุดยากินและพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

วิธีป้องกันโรคเชื้อราแมวไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก

หลังจากที่รักษาเชื้อราแมวหายดีแล้ว เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะต้องดูแลแมวด้วยวิธีการต่อไปนี้

  • อาบน้ำให้น้องแมวอย่างสม่ำเสมอ และจะต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อยทุกครั้งที่พาน้องแมวไปเล่นนอกบ้าน
  • ทำความสะอาดบ้าน รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านด้วยน้ำยาขจัดเชื้อราโดยเฉพาะ
  • ทำความสะอาดมือและอวัยวะต่าง ๆ ทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังสัมผัสกับสัตว์เลี้ยง
  • หากน้องแมวยังมีอายุน้อย เป็นแมวโต หรือแมวที่มีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้น้องแมวไปเล่นกับแมวตัวอื่น หรือเดินเล่นข้างนอกบ้านในช่วงที่อากาศชื้น หลังฝนตก เพราะจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อราได้ง่ายกว่าปกติ
  • ดูแลเรื่องสุขภาพ เรื่องอาหาร และระวังไม่ให้น้องแมวเกิดความเครียด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแมวเป็นเชื้อรา

นอกจากข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคเชื้อราแมวแล้ว โรงพยาบาลสัตว์แอทโมสยังได้รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการที่แมวเป็นเชื้อรามาให้ด้วย ใครที่มีข้อสงสัยอยู่ สามารถดูคำถามและคำตอบได้ที่นี่เลย

แมวเป็นเชื้อรากี่เดือนหาย?

ปกติแล้ว ในน้องแมวที่สามารถกินยาฆ่าเชื้อราได้จะใช้ระยะเวลารักษาโรคเชื้อราแมวประมาณ 1 – 2 เดือน แต่สำหรับลูกแมวที่ไม่สามารถกินยาได้ ก็อาจใช้ระยะเวลานานกว่านั้น โดยประมาน 3-4 เดือน

แมวเป็นเชื้อราอันตรายไหม?

แม้ว่าโรคเชื้อราแมวจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต แต่ก็ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมของแมวรวมถึงตัวเจ้าของได้ จึงควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ และเมื่อน้องแมวเป็นโรคเชื้อราแมวแล้ว ก็ไม่ต้องกังวล เพราะโรคนี้เป็นโรคผิวหนังที่สามารถรักษาให้หายได้ และจะทิ้งรอยแผลไว้บนผิวประมาณ 2-3 เดือนเท่านั้น

ลูกแมวเป็นเชื้อราอาบน้ำได้ไหม?

สามารถอาบน้ำได้ โดยแนะนำให้ใช้แชมพูยาที่ผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 2 ในการทำความสะอาดทั่วทั้งตัว หมักทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วค่อยล้างแชมพูด้วยน้ำสะอาด และเช็ดตัวให้หายสนิท โดยแนะนำให้อาบน้ำประมาณ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์

คนติดเชื้อราแมวกี่วันหาย?

สำหรับคนที่ติดเชื้อราแมวที่ผิวหนัง แล้วรักษาด้วยการทายาฆ่าเชื้อรา หรือทายาบริเวณรอยโรค อาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากพบผื่นจำนวนมาก หรือมีการติดเชื้อราแมวบนหนังศีรษะ แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาฆ่าเชื้อราร่วมกับการใช้ยาทาและ/หรือแชมพูฆ่าเชื้อรา เพื่อเสริมประสิทธิภาพการรักษา ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลารักษานานกว่านั้น

“ยาม่วง” ใช้รักษาเชื้อราแมวได้จริงไหม?

ยาม่วง (Gentian Violet) เป็นยาฆ่าเชื้อชนิดหนึ่งที่คนนิยมใช้ในการรักษาการติดเชื้อราที่ผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น กลาก น้ำกัดเท้า เชื้อราในช่องปาก หรือเชื้อราในช่องคลอด รวมไปถึงการรักษาโรคผิวหนัง หรือบางแผลต่าง ๆ บนตัวน้องแมวได้ ซึ่งเราไม่แนะนำให้ทำอย่างนั้น เพราะยาม่วงจะติดแน่นอยู่บนผิวของน้องแมวจนไปบดบังรอยโรค และทำให้สัตวแพทย์ไม่สามารถมองเห็นเชื้อราที่เป็นตัวการทำให้เกิดโรคได้

เพื่อการรักษาเชื้อราแมวที่มีประสิทธิภาพ ควรพาน้องแมวไปให้สัตวแพทย์ตรวจวินิจฉัยโรคผิวหนัง และรับยาที่สามารถรักษาโรคเชื้อราแมวอย่างถูกจุดก็จะดีกว่า

รักษาเชื้อราแมวราคาเท่าไหร่?

โรงพยาบาลสัตว์แอทโมสให้บริการรักษาเชื้อราแมว ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 – 2,000 บาท ดูแลโดยสัตวแพทย์ผู้มากประสบการณ์ สำหรับทาสแมวท่านใดที่น้องแมวกำลังเป็นโรคเชื้อราแมวอยู่ ก็สามารถติดต่อนัดหมายเข้ามาพบสัตวแพทย์ของเราได้เลย

สรุปเรื่องแมวเป็นเชื้อรา

จะเห็นได้ว่าโรคเชื้อราแมวเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีอากาศชื้น เพราะเป็นช่วงที่เชื้อราก่อโรคเจริญเติบโตได้ง่ายกว่าปกติ จะต้องรักษาสุขอนามัยให้น้องแมวอย่างดี และต้องทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของน้องแมวให้ดี เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้น้องแมว เพื่อป้องกันไม่ให้น้องแมวเป็นเชื้อรา แต่สำหรับใครที่น้องแมวเป็นเชื้อราแล้วก็ไม่ต้องกังวล สามารถเข้ามาปรึกษาสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์แอทโมส เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมกับน้องแมวได้ รับรองว่าจะช่วยให้คุณสามารถรักษาเชื้อราแมวได้อย่างเห็นผลแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ของเราพร้อมให้การดูแลอย่างดีที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

รวมเรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำหมันแมว
รวมเรื่องต้องรู้ก่อนตัดสินใจทำหมันหมา
รวมปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในหมาหน้าสั้น
รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับโรคระบบประสาทในสุนัขและแมว
bg-banner-consult-doctor

ปรึกษาสัตวแพทย์

นัดหมาย